ในเรื่องความปลอดภัย ทำให้รู้สึกสบายใจได้ในระดับหนึ่งเพราะเราสามารถรู้ข้อมูลคนขับได้ก่อนที่จะมารับเรา และเราสามารถปฏิเสธการเรียกได้ สำหรับเราแล้วถ้าคนที่บ้านอยู่ในซอยหรือมีผู้สูงอายุแบบเราถือว่าสะดวกทีเดียวเพราะเข้ามารับได้ถึงที่ถ้าแลกกับค่าบริการเราถือว่าคุ้มซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราที่ได้ลองใช้บริการ หากใครได้ทดลองใช้แล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ ชื่อสินค้า: GrabTaxi คะแนน:
พวกคุณพี่เท้าไฟนักแข่งรถ ขับกันอย่างกับท้องถนนเป็นสนามแข่งปาดซ้าย ปาดขวา คิดถึงคนนั่งบ้างไหมกว่าจะถึง สภาพจะเป็นอย่างไร 5. แท็กซี่มักไม่ถูกกับผู้สูงอายุและรถเข็น เจอทีไรหนีทุกที 6. จิตสาธารณะในการบริการเรียกได้ว่าน้อยมาก อย่างกับเราขอร้องให้ไปส่งอย่างนั้นแหละ 7. พวกชอบอ้าง เปิดไฟว่างแต่ไม่ไป ส่งรถบ้าง ไม่ทันบ้าง รีบกลับบ้านบ้าง แล้วจะจอดถามทำไม 8. บางทีนั่งไปสักพัก เกิดเปลี่ยนใจให้ลงกลางทาง หรือขอจอดตรงนี้ด้วยเหตุผลต่างๆ แล้วจะรับแต่แรกทำไมถ้าคุณไม่ไปส่ง 9. ชอบขอแวะเข้าห้องน้ำ เติมน้ำมันบ้าง โดยมิเตอร์ก็ยังคงเดินอยู่ เห็นใจกันบ้างไหม ปัญหาเหล่านี้ทุกคนเคยอาจจะโดนบ้าง หรืออาจจะโดนทุกข้อก็ได้ ^^ ซึ่งการแก้ไขปัญหาก็ยังมองไม่เห็นต่อให้บางทีอยากคัดหน้าตาคนขับก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้ และแม้ว่าตอนนี้จะมีมาตรการออกมาแต่ก็ยังไม่ชัดเจน ทำให้เราต้องหาตัวช่วยที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น เลยได้ทดลองใช้แอพ Grab taxi ซึ่งความคาดหวังกับแอพนี้ก็เพิ่มมาหนึ่งระดับ เพราะมีการคิดค่าบริการในการเรียก 25บาท สำหรับแท็กซี่ปกติโดยเราได้ลองเรียกใช้ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมาแล้วจำนวน 7ครั้ง รวมวันนี้ทั้งหมด 8ครั้ง มาดูหน้าตาของแอพตัวนี้กันค่ะ 1.
เชื่อว่าทุกคนคงมีปัญหาเหมือนเราคือการเรียกแท็กซี่นั่นเอง ซึ่งสำหรับเราเรียกได้ว่าใช้บริการแท็กซี่แทบทุกวันโดยก่อนหน้านี้เราเคยโหลดแอพนี้มาแล้วแต่ว่าไม่ได้ใช้เพราะยังไม่มั่นใจเท่าไร แต่เมื่อเจอปัญหาบ่อยๆเข้าก็เลยอยากหาตัวช่วยเลยโหลดมาใหม่และได้ทดลองเรียกใช้บริการ แต่ก่อนจะไปถึงรายละเอียดของแอพมาดูปัญหาที่เราเจอบ่อยๆก่อน คือ 1. คนขับมักเปิดกระจกรถแค่ครึ่งเดียว แล้วไม่ค่อยตั้งใจฟังสุดท้ายก็ไม่รับเรา 2. รับผู้โดยสารแล้วพอขึ้นไปนั่งบอกทางที่ต้องการ กลับไม่ฟังแถมบอกว่าทางนี้ดีกว่าอีกรถไม่ติด (อยากจะบอกเหลือเกินว่ารู้ได้ไง เรากลับทุกวัน แล้วถ้ากลัวรถติดมากจะมาขับทำไม) แล้วทางที่คุณขับไปก็อ้อมซะไกลเหลือเกินทั้งๆที่อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วถ้าฟังกันบ้าง พอขับไปรถติด พูดเข้าหน่อย ก็ทำเป็นมีอารมณ์ ถ้ากลับกันไปตามทางที่เราบอกแล้วเจอรถติดก็บ่นยาวเหมือนกันแหละ รู้อย่างนี้ไปทางนั้นดีกว่า สรุปคนนั่งผิดหมด เอาตามใจตัวพี่คนขับตลอด 3. พวกชอบจอดแช่ประจำถิ่นโดยเฉพาะแถวสยาม มาบุนครอง ที่อภิมหาเรียกยากกกกก จ้องจะรับแต่ชาวต่างชาติอย่างเดียว แถมขับวนอยู่แต่แถวนั้น กะว่าที่อื่นไม่ไปเลย เคยให้พี่ตำรวจช่วยเรียกให้อยู่ครั้งหนึ่งไม่ไปเหมือนกัน ช่วยกันเรียกจนเหนื่อยจนต้องยึดใบขับขี่ถึงได้ไป ถ้าอยากรับแต่ชาวต่างชาติก็ติดป้ายไปเลย 4.
5 จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน (ประกาศ ณ วันที่ 23 ก. พ. 2561) F: คะแนนการยกเลิกงาน อัตราการยกเลิกงานของสมาชิก หากสูงกว่า 25% อาจมีผลต่อการรับอินเซนทีฟ
เมื่อโหลดแอพมาแล้วให้ทำการลงทะเบียนก่อนโดยใส่ชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ 2. จากนั้นเข้ามาสู่หน้าของแอพ จะมีเมนูต่างๆซึ่งหากเราต้องการเรียกแท็กซี่ให้กดไปที่ Booking Taxi ก็จะมาเจออีกหน้าหนึ่ง (ถ้ามีโปรโมรชันจะมีpop up เด้งขึ้นมาก่อนให้ใส่ข้อมูล) 3. ให้กรอกสถานที่ที่จะให้มารับและสถานที่ที่จะให้ไปส่งรวมทั้งให้เลือกชนิดของรถค่ะ Taxi คือรถแท็กซี่ธรรมดาตามท้องถนนทั่วไปค่ะ แต่ถ้าเลือก GrabCar จะเป็นรถประเภทขับตามโรงแรม และสนามบินค่ะ จากที่ได้นั่งจะเป็น Camry แต่จะมีราคาค่าโดยสารแพงกว่าคือเริ่มต้นที่ 45บาทซึ่งในส่วน GrabCar ได้ลองนั่งไปสองครั้งค่ะ เพราะรถมีน้อยมากและเรียกยากกว่า แต่ภายในรถจะมีน้ำดื่มไว้บริการ (บางคันมีผ้าเย็นด้วยค่ะ) จากนั้นจะมีการบอกจำนวนรถแท็กซี่ที่อยู่ใกล้กับเราค่ะ เมื่อใส่ข้อมูลครบแล้วให้กดถัดไป (รูปด้านซ้ายเป็นแท็กซี่ทั่วไป ส่วนรูปด้านขวาเป็นGrabCar) 4. มาอยู่ที่หน้าของการยืนยันการเรียกแท็กซี่ค่ะ ซึ่งจะมีข้อมูลเส้นทาง ราคาค่าโดยสารโดยประมาณ และระยะทาง รวมทั้งมีช่องให้กรอกรายละเอียดจุดสังเกตุของสถานที่ค่ะ เช่น บ้านสีอะไร อยู่ซอยที่เท่าไหร่ ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อคนขับในการมารับค่ะ (ถ้ามีโปรโมชันให้เรากรอกรหัสโค้ดที่แสดงไว้ตอนแรกลงไปในช่อง Promo Code แต่ในส่วน GrabCar ไม่มีค่ะ) แล้วกดยืนยันการเรียกค่ะ 5.
รอระบบประมวลผลเชื่อมต่อกับคนขับ ซึ่งระบบจะเลือกคนขับที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด เมื่อมีการตอบรับจากคนขับแล้วจะมี pop up แสดงขึ้นมาให้เรากดแสดงผลหน้าจอก็จะแสดงแผนที่และบอกตำแหน่งของคนขับสถานที่ที่มารับและสถานที่ที่ไปส่งค่ะ ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว 6. เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้วให้เรากดสิ้นสุดการเดินทาง จะมีช่องแสดงความคิดเห็น และไอคอนให้เลือกว่าพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจในการบริการของคนขับค่ะ เมื่อกดยืนยันก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ โดยรวมสำหรับเราประทับใจกับบริการของ Grab Taxi เพราะคิดว่า 1. เมื่อมีการตอบตกลงจากคนขับแล้วโดยส่วนใหญ่จะมีการโทรศัพท์กลับมาถามว่า "รอหน่อยนะครับตอนนี้ผมติดไฟแดงอยู่", "คุณรออยู่ตรงไหนครับ" ดูมีการตอบรับและใส่ใจผู้โดยสาร 2. ทาง Grab Taxi น่าจะกรองคนที่มีจิตสาธารณะในการบริการมาระดับหนึ่งเพราะตัวคนขับเป็นคนตอบรับเส้นทางที่เราเลือกด้วยตัวเอง จึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ซึ่งในการเดินทางของเรามีผู้สูงอายุและรถเข็นไปด้วย เกือบทุกคันจะลงมาช่วยยก ช่วยประคอง มีแค่หนึ่งคันที่แอบพูดว่ามีรถเข็นด้วยหรอ กลัวรถเป็นรอย (แอบคิดในใจนี่รถบริการนะจะไม่มีรอยเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก) 3. การพูดจาทักทาย ความสุภาพของคนขับถือว่าดีมากเมื่อเปรียบเทียบกับแท็กซี่ทั่วไป(บางคัน) มีการพูดคุย ใจเย็น ไม่รีบร้อน ขับตามทางและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด 4.